Walmart บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่มีอายุนานกว่า 58 ปี มีชื่อเสียงในการขายสินค้าต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วน Tik Tok เป็นแอพพลิเคชั่นยอดนิยมของประเทศจีนที่เป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่สามารถสร้างความสนุกสนานจาก
การแสดงลิปซิงค์เลียนแบบต่างๆ และกำลังได้รับความนิยมบนโลกโซเซียลอย่างมากมาย โดยWalmartเห็นช่องทางการสร้างรายได้ให้กับบริษัทของตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง Tik Tok จึงทำให้Walmartประกาศตัวจะร่วมมือกับ Microsoft ในการเสนอราคาเพื่อลงทุนใน Tik Tok ที่สหรัฐอเมริกา
Walmart ประกาศตัวจะร่วมมือกับ Microsoft ในการเสนอราคาเพื่อลงทุนใน Tik Tok ที่สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้Walmartยังพบว่าในประเทศจีนมีการใช้กิจกรรมทางโซเซียลมีเดียผสมผสานกับการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นจึงทำให้ Wamart สนใจที่จะร่วมลงทุนกับ Tik Tok เป็นอย่างมาก โดยมีการวิเคราะห์ว่า Tik Tok มีลักษณะเป็น
เหมือน Home Shopping ที่ย้ายจากสื่อทางโทรทัศน์มาเป็นในสมาร์ทโฟนแทน หรือจะเรียกได้ว่าเป็นการรวมความบันเทิงและการช้อปปิ้งไว้ด้วยกัน ซึ่งทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีขนาดใหญ่มากๆ ได้ ซึ่งแต่เดิม Tik Tok ที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาจีนเรียกว่า Douyin นั้นลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทันหลังจากดูคลิปวิดีโอสั้นๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จบลง
อีกทั้งลูกค้ายังสามารถติดตามสตรีมแบบสดๆ ของพ่อค้าแม่ค้าหรือบรรดาคนดังที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีตั้งแต่การแต่งหน้าไปจนถึงการสาธิตวิธีการใช้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นอกจากนี้ลูกค้าสามารถถามคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และได้รับคำตอบแบบเรียลไทม์ทันที หรือสามารถที่จะคลิกรับส่วนลดสูงสุดที่มีให้เฉพาะการซื้อผ่านแอพพลิเคชั่น Douyin เท่านั้น ด้วยคุณลักษณะของ Douyin หรือ Tik Tok ที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาจีนนั้น ทำรายได้จากการโฆษณาและค่าคอมมิชชั่นของผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการขายได้ภายในแอพเป็นจำนวนมาก
ในสหรัฐอเมริกามีผู้ใช้งาน Tik Tok ประมาณ 100 ล้านคน และมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 690 ล้านคนต่อเดือน และเกือบ 70% ของผู้ใช้งานมีอายุรหว่าง 16-24 ปี แต่มีผู้ติดตามWalmartบน Tik Tok เพียง 1.8 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่Walmartเห็นว่าเป็นช่องที่จะทำให้Walmartเติบโตขึ้นได้อีกมาก อีกทั้งกลุ่มผู้เล่น Tik Tok เป็นกลุ่ม Gen Z ที่Walmart
มีความเห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในยุคนี้ ถ้าหาก Walmartสามารถร่วมลงทุนใน Tik Tok ได้ ก็จะช่วยให้ Walmart สามารถต่อสู้กับบริษัทอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง Amazon ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่การต่อสู้ที่เป็นการขายตรงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการขายของผ่านออนไลน์ด้วย
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดติดตามเว็บ Javascriptly.com เว็บไซต์รวบรวมเทคนิค JAVASCRIPT ที่จะบอกเทคนิคการทำเว็บไซต์ และ เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ได้เข้ามีความสำคัญกับเศษฐกิจและสังคมของประเทศจีน
