บริษัท Intel ผู้ผลิตชิพหน่วยความจำกำลังขายส่วนหนึ่งของธุรกิจชิพหน่วยความจำให้กับ SK Hynix บริษัทผู้ผลิตชิพของประเทศเกาหลีใต้ในราคา 9 พันล้านดอลลาร์ในข้อตกลง ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวทำให้บริษัท SK Hynix ของเกาหลีใต้เป็นผู้ผลิตชิพหน่วยความจำแฟลชรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
บริษัท Intel ได้ออกมายอมรับว่ากำลังดิ้นรนเพื่อผลิตชิพรุ่นใหม่ให้ได้ในปริมาณมาก
โดย SK Hynix ได้เข้าไปซื้อธุรกิจการผลิตชิพหน่วยความจำ NAND ของ Intel ที่รวมถึงสิทธิบัตรการผลิตและการออกแบบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนโรงงานผลิตของบริษัทที่เมืองต้าเหลียน ประเทศจีน ซึ่งหน่วยงานความจำ NAND ที่ Intel ผลิตขึ้นมานี้จะใช้ในอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และฮาร์ดไดรฟ์ ทั้งนี้การทำข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เรียบร้อยภายในเดือนมีนาคม 2568
นอกจากนี้การทำข้อตกลงดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นภายหลังจากที่ Intel ได้ออกมายอมรับว่ากำลังดิ้นรนเพื่อผลิตชิพรุ่นใหม่ให้ได้ในปริมาณมาก อย่างเช่นสิ่งที่เกิดเดือนกรกฎาคมว่าการผลิตชิพขนาด 7 นาโนเมตรจะล่าช้าไปจนถึงปี 2565 ในขณะที่บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศไต้หวัน และซัมซุมของประเทศเกาหลีใต้ ได้ประสบความสำเร็จในการผลิตและจำหน่ายชิพดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม Intelยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเดี่ยวกับการผลิตชิพที่ยังคงเป็นบริษัทเดียวในประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถแข่งขันกับบริษัท TSMC จากประเทศไต้หวัน และ Samsung จากประเทศเกาหลีใต้ ในด้านการออกแบบการผลิตและการผลิตชิพชั้นสูง ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก
เพื่อรักษาบริษัทให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ได้ โดย Intel ใช้เงินประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 2,250 ล้านบาท ในการวิจัยพัฒนาและค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนในปี 2562 ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินลงทุนในปี 2550 ที่เท่ากับ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 1,250 ล้านบาท
สำหรับ SK Hynix บริษัทจากเกาหลีใต้ที่ได้ทำการเข้าซื้อ NAND ที่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจผลิตชิพหน่วยความจำของ Intel จะช่วยทำให้บริษัท SK Hynix ของประเทศเกาหลีใต้ สามารถไต่อันดับจากอันดับสี่ขึ้นมาเป็นอันดับสองรองจากคู่แข่งจากประเทศเดียวกันอย่างบริษัท Samsung โดยปัจจุบัน SK Hynix มีส่วนแบ่งการตลาด 11.7% ในขณะที่ Samsung มี 31.4% ตามรายงานของ TrendForce ส่วน Intel มีส่วนแบ่งการตลาดรวมที่ 23.2% โดยการซื้อขายกิจการในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเชื่อมโยงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่สามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าชอบอย่าลืมกดติดตาม เว็บรวบรวมเทคนิค และ Microsoft ผลักดันแพลตฟอร์ม Azure เข้าแข่งขันในเทคโนโลยีด้านธุรกิจอวกาศ
